“วิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21”
ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันนั้น
การเรียนการสอนภาษาอังกฤษมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทั้งวิธีการสอน จุดประสงค์
และจุดเน้นในการสอนด้วย สำหรับการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันยุคศตวรรษที่ 21 ก็แปรเปลี่ยนจากเดิม ด้วยองค์ความรู้ที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีต่างๆ
พัฒนาขึ้น พฤติกรรมของคนเริ่มเปลี่ยนไป
รูปแบบการเรียนรู้จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนพัฒนาให้ทันต่อยุคสมัย
ในการเรียนไม่ใช่เพียงแต่เรียนรู้เพียงวิชาการเท่านั้น
แต่ยังต้องเรียนรู้ทักษะต่างๆ ทักษะชีวิต และทักษะการทำงาน ผศ.ดร.ศิตา
เยี่ยมขันติถาวา ได้ให้แนวการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นกฎเกณฑ์ทางภาษา
เน้นการปฏิสัมพันธ์และเน้นความเหมาะสมในการใช้ภาษา
และเน้นบูรณาการเนื้อหาและภาษาไว้ในการอบรมในครั้งนี้
วิธีสอนแบบเน้นไวยากรณ์และการแปล
(The Grammar Translation Method) วิธีการสอนแบบนี้ไม่เน้นการฟังและการพูดแต่จะเน้นหลักไวยากรณ์และการแปล
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านได้ และมีการใช้วิธีสอบแบบภาษาอังกฤษ
ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถอ่านบทอ่านได้เข้าใจและเห็นคุณค่าของภาษา
แต่สำหรับวิธีการสอนแบบนี้จะเน้นการท่องจำและความถูกต้องทางการใช้ภาษา
ดิฉันคิดว่าวิธีการนี้อาจทำให้ผู้เรียนเกิดความเครียดได้ และการเน้นให้นักเรียนจำเพียงอย่างเดียว
นักเรียนอาจไม่เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และจำได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
การสอนที่ดีควรต้องให้ผู้เรียนได้เข้าใจ
ได้พัฒนาสมองมากกว่าแค่ความจำเพียงเท่านั้น
วิธีการสอนแบบตรง (The direct Method) วิธีการสอนแบบตรงอิงแนวคิดที่ว่า
ภาษา คือ ภาษาพูด การเรียนภาษา คือ การให้ผู้เรียนได้สื่อสารด้วยภาษาที่เรียนนั้น
และเผื่อให้ประสบการณ์ผลสำเร็จยิ่งขึ้น
ควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการที่จะคิดเป็นภาษาที่เรียนด้วย
ดังนั้นการเรียนการสอนภาษาจึงควรใช้ภาษาต่างประเทศที่เรียนนั้นตลอดเวลา และให้สื่อสารได้เช่นเดียวกับสถานการณ์จริง
ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อเน้นให้ผู้เรียนใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้
เริ่มจากการสอนระบบเสียง ให้ผู้เรียนฝึกเลียนแบบเสียงและแยกเสียงให้ถูกต้อง
แล้วจึงฝึกฟังความหมายในประโยค จากบทสนทนาสั้นๆ ผศ.ดร.ศิตา ได้กล่าวว่า
จุดเริ่มต้นของการเรียนภาษา คือ “การฟัง” แล้วค่อยๆ พูดออกเสียงออกมา ถือว่าเป็นการเลียนเสียงของเจ้าของภาษานั่นเอง
วิธีการสอนแบบฟัง – พูด (The Audio – Lingual Method) การสอนภาษาควรเริ่มจากการฟัง พูด ซึ่งเป็นพื้นฐานไปสู่การอ่าน และ
การเขียน ดังนั้น ภาษาที่นำมาให้ผู้เรียนได้เรียน
ควรเป็นภาษาที่เจ้าของภาษาใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน
จึงมีการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเจ้าภาษาด้วย เริ่มต้นด้วยภาษาพูด
โดยยังไม่ให้ผู้เรียนเห็นรูปแบบของภาษา ผู้เรียนจะต้องเลียนแบบเสียงผู้สอน
จนสามารถฟังเข้าใจ ดิฉันคิดว่าอาจให้ผู้เรียนได้ฟังเจ้าของภาษาของพูดก็อาจเป็นหนึ่งที่จะทำให้ผู้เรียนมีทักษะการพูดที่ดีขึ้นได้
เมื่อฟังและพูดพัฒนาดียิ่งขึ้นแล้วจึงเริ่มพัฒนาการฝึกอ่านและการเขียน
นอกจากนี้ยังมีวิธีการสอนตามแนวธรรมชาติและอีกหลายวิธีที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาความรู้
ทักษะทางภาษา พัฒนาการสื่อสารและสามารถใช้ภาษาในการสื่อสาร การอ่าน การเขียน
การฟัง และการพูดได้ การรับรู้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่มีใครสอนก็อาจเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
แต่อย่างไรแล้วก็จะต้องยังคงความถูกต้องการใช้ไวยากรณ์ด้วย
เบื่อการเรียนรู้เกิดขึ้นแล้ว และได้รับการฝึกฝนบ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ก็จะเกิดการเก็บสะสมประสบการณ์ต่างๆ และสามารถระลึกและถ่ายทอดออกมาได้
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอบรมในหัวข้อวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่
21 การเรียนการสอนนั้นจะประกอบไปด้วยสิ่งต่างๆ หลายๆ
อย่างมารวมกัน วิธีการสอนต่างๆ จะต้องเหมาะกับผู้เรียน มีประสิทธิภาพ
สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนมีประสิทธิภาพ
มีความรู้ และนอกจากด้านวิชาการแล้วการเรียนการสอนใน C21 นั้น
ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น