Learning
Log2
( in class)
ในการเรียนในห้องเรียนสิ่งที่ได้รู้มีมากมาย
ได้รู้ทบทวนตัวเองว่าอะไรที่เรารู้
อะไรที่เราไม่รู้และเราได้เรียนรู้อะไรไปแล้วบ้างในสองปีที่ผ่านมา ได้สำรวจตัวเอง
ได้ทบทวนตัวเอง ทำให้รู้ว่ารายังไม่ตั้งใจเรียนเพียงพอ
และคอยที่รับสิ่งที่อาจารย์ป้อนให้เพียงอย่างเดียวโดยไม่คิดที่จะเสาะหาด้วยตัวเอง
เป็นสิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้ นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึกต่ออาจารย์ที่ได้สอนเรามาในสองปีที่ผ่านมา
ทั้งอาจารย์ที่เพื่อนๆพึงพอใจมากที่สุดและพึงพอใจน้อยที่สุด เพราะอะไร
โดยเพื่อนๆพึงพอใจอาจารย์ที่มีวิธีการสอนที่สบายๆ สอนเป็นstep เข้าใจง่าย
และมีการสอดแทรกทักษะการใช้ชีวิตไปด้วย
ละยังได้รู้อีกว่าสิ่งที่อาจารย์คอยพูดให้เราฟังบางครั้งอาจจะเหมือนการกดดันนั้นที่จริงแล้วท่านพูดเพื่อให้เราคิดได้
กระตุ้นเราให้กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ดี และตั้งใจเรียน เราทุกคนจะได้ไปถึงจุดหมายปลายหรือเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้
กลยุทธ์ในการเรียนภาษา (out class)
การเรียนภาษานั้นต้องมีสองด้านควบคู่กันคือความรู้หรือภาคทฤษฎีและทักษะหรือความชำนาญ
ซึ่งการเรียนหากเรียนแต่ภาคทฤษฎีแต่มิได้ฝึกฝนฝึกปฏิบัติ นั้น
ก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมายและไม่สามารถใช้ภาษาได้ ซึ่งปัญหาการการเรียนภาษานั้นเกิดจากหลายสาเหตุ
และการเรียนภาษาให้ได้ผลก็ย่อมมีหลายอย่างประกอบด้วยเช่นกันแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวผู้เรียน
ดั่งคำที่ว่า “ภาษานั้นเรียนได้ แต่สอนไม่ได้” ดั้งนั้นจะหวังพึ่งแต่ผู้สอนและระบบต่างๆไม่ได้ แต่ผู้เรียนควรพึ่งตนเอง การรู้จักตั้งเป้าหมายของตนเองโดยต้องคำนึงถึงความรู้
ความถนัด และการจัดสรรเวลาด้วย นอกจากนี้ควรการรู้จักใช้คอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์เกี่ยวกับการค้นหาความรู้ด้านภาษาด้วย
กลยุทธ์ในการเรียนภาษามีองค์ประกอบทั้งสิ้น10 ประการคือ
1.ศึกษา ความรู้เกี่ยวกับตัวภาษาคือ
ศัพท์กับไวยากรณ์ มาเรียงร้อยกัน เพื่อใช้สื่อความหมายได้ถูกต้องยิ่งขึ้น
2.ฝึกฝน เน้นการปฏิบัติการฝึกทักษะทางภาษา
โดยฝึกการใช้ภาษาซ้ำแล้วซ้ำอีกจนสามารถสื่อสารได้คล่องแคล่ว
การฝึกฝนภาษาจะต้องฝึกผ่านอินทรีย์ทั้งตา หู ปาก และมือ (อ่าน ฟัง พูด เขียน) ควบคู่ไปด้วย
3.สังเกต ภาษามีความซับซ้อนผู้เรียนภาษาต้องฝึกเป็นคนชั่งสังเกต
รอบคอบในการเรียนและใช้ภาษา
4.จดจำ ความจำเป็นองค์ประกอบของการเรียนรู้ทุกชนิด
แต่การเรียนภาษานั้นต้องมีการท่องจำมาเสริม เพื่อจดจำถ้อยคำหรือข้อความ
จนสามารถนำกลับมาใช้ได้
5.เลียนแบบ การเรียนภาษามีการเลียนแบบตลอดชีวิต
เลียนแบบเจ้าของภาษาเพื่อให้สื่อสารกะเจ้าของภาษาได้เข้าใจ
และสามารถฝึกฝนการใช้ภาษาโดยการเลียนแบบจากเจ้าของภาษาได้
6.ดัดแปลง เมื่อมีการเลียนแบบแล้วต้องมีการดัดแปลงเพื่อนำมาฝึกฝนและมาประยุกต์ใช้
แต่ต้องอาศัยความรู้เรื่องหลักไวยากรณ์ คำศัพท์และสำนวนประกอบด้วย
7.วิเคราะห์ การอ่านและการเขียนต้องอาศัยการวิเคราะห์เข้ามาเสริมโดยวิเคราะห์สามระดับคือ
ระดับศัพท์ ไวยากรณ์และระดับถ้อยความ
8.ค้นคว้า ความรู้ในห้องเรียนแบบเรียน
และสื่อการเรียนไม่เพียงพอ ควรค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
โดยเฉพาะพจนานุกรมหากเรียนรู้จากการคาดเดาคำศัพท์ จะทำให้การใช้ภาษาผิดบ้างถูกบ้าง
ผู้เรียนจึงอาจไม่มั่นใจการใช้ภาษา
9.ใช้งาน การใช้งานจริงเพื่อทดสอบความรู้และทักษะที่ได้เรียนมา
การเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาจะทำให้เรียนภาษาได้ดี
10.ปรับปรุง ผู้เรียนที่ดีต้องรู้จักสังเกตและเรียนรู้ข้อบกพร่องของตัวเอง
เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข ฝึกฝน ตัวเองให้มีการพัฒนาในการใช้ภาษา
สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้
การที่เราคิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นถูกต้องที่จริงแล้วนั้นเราอาจไม่เคยรู้เลย
การสำรวจและทบทวนตัวเองทำให้เรากลับมาเปลี่ยนความคิด เช่นเดียวกับกลยุทธ์ในการเรียนภาษา
หากเรามีเพียงทฤษฎีหรือความรู้เราก็ไม่อาจประสบผลสำเร็จในการเรียนภาษา
เราต้องมีการฝึกปฏิบัติ ฝึกทักษะของตัวเราเองนอกจากนี้เราก็ต้องค้นคว้า
แสวงหาความรู้นอกเหนือจากห้องเรียนควบคู่ไปด้วย รู้จักการเลียนแบบเจ้าของภาษา
และนำมาปรับปรุงตัวเอง พัฒนาการใช้ภาษาของตัวเราเอง