(In class)
จากการเรียนรู้ในห้องเรียนในสัปดาห์นี้ได้เรียนรู้เรื่อง
Adverb Clause of Time เนื่องจากในสัปดาห์ก่อนหน้าหลายๆ สัปดาห์ ได้เรียนรู้ Clause ประเภทอื่นๆ กันไปแล้ว และได้รู้ว่า Clause คือ
อนุประโยค หรือประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ขยาย main clause ที่อยู่ติดกัน
อาจทำหน้าที่เป็น Adjective, noun หรือ Adverb ก็ได้ สำหรับอนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็น Adverb นั้นเรียกว่า
Adverb Clause นั่นเอง Adverb Clause
จะทำหน้าที่เหมือน Adverb ขยายกริยา ขยายคุณศัพท์
และขยายกริยาวิเศษณ์ Adverb Clause จะมีหลายประเภทสามารถแบ่งออกเป็น
10 ประเภทคือ Adverb Clause of
Manner, Adverb Clause of Place, Adverb Clause of Time, Adverb Clause of Reason,
Adverb Clause of Result, Adverb Clause of purpose, Adverb Clause of Concession,
Adverb Clause of Comparison, Adverb Clause of Reservation, และ Adverb
Clause of Condition. สำหรับทั้ง 10 ประเภทที่เรามักพบบ่อยที่สุดคือ Adverb Clause of
Condition.
Adverb Clause of Condition เป็นอนุประโยคที่นำหน้าด้วยคำเชื่อมที่แสดงถึงเวลา
เช่น When, After, Before, since, until, while, as soon as, whenever…ฯ ตัวอย่างประโยคเช่น
· When you have finished you work, you may go home.
·
He came after night had fallen.
· Before you go bring me some fallen.
จะเห็นได้ว่า ในตัวอย่างประโยค Adverb Clause จะมีคำเชื่อม When, after, และ before นำหน้าโดย Adverb Clause จะไปขยายกริยา abject
หรือ adverb ในประโยค main clause นอกจากนี้ adverb
clause เราสามารถลดรูปของประโยคได้ โดย Adverb Clause of
time สามารถลดรูปได้หลายรูปแบบ
และสามารถสังเกตการณ์ลดรูปได้อย่างเห็นชัดเจน
การลดรูป Adverb Clause of Time สามารถลดรูปได้เมื่อประธานของ
Adverb Clause และ main clause เป็นตัวเดียวกันถ้าประธานเป็นคนละตัวจะไม่สามารถลดรูปได้
เช่น
While he was getting out of the
bus, he tripped and fell.
ในประโยคนี้ประธานใน
Adverb Clause และ main clause เป็นตัวเดียวกัน
เราสามารถลดรูปได้เป็น
While getting out of the bus, he tripped and fell.
สังเกตว่า จะตัดประธานและ V.to be ใน Adv. Clause ไปนอกจากนี้ยังสามารถละ คำเชื่อม
ได้ด้วย
Getting out of the bus, he tripped and fell.
แต่ถ้ากระทำใน time clause เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว จะไม่สามารถลดรูปได้ เช่น
He has lived since he was
born.
He has lived being born.
หมายเหตุ * ถ้าประธานใน time clause เป็นตัวเดียวกับ
pronoun ใน main clause subject และ pronoun
สามารถสลับที่กันได้ก่อนการลดรูป เช่น

After water is heated, it becomes hot.
Subject
After it is
heated, water become hot.
>>> After being
heading, water became hot.
ข้อสังเกต
- Before, while, when, after ….
อาจจะลดรูปด้วยหรือไม่ก็ได้หรือจะไม่ลดก็ได้
-
เมื่อลดรูปใน time clause จะเปลี่ยน V เป็น V.
+ ing
จากข้อสังเกต time clause ที่ขึ้นต้นด้วย After, Before และ Since จะสรุปมาเป็นกฎในการลดรูปได้ คือ
ลดโดยการตัดประธานใน time clause ถ้าใน main cl. และ time cl. ประธานเป็น คน หรือ สิ่งเดียวกัน
ต่อไปหากมีกริยาช่วยใน time clause ให้ตัดแล้วเปลี่ยน
กริยาหลักเป็น V. –ing แต่ถ้าเป็น time clause เป็น present or past perfect tense แล้วจะมีกริยาช่วยเป็น
have, has และ had ให้เปลี่ยนเป็น having
แล้วตามด้วย past participle หรือ V. ช่อง 3 หรือถ้าหาก time clause อยู่ในรูปของ passive จะเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของ Being
+ past participle (V.3)
นอกจากนี้ Adverb clause ประเภทอื่นก็สามารถลดรูปได้ในลักษณะที่คล้ายกับ
Adverb clause of time นั่นคือ Adverb
clause of reason/cause, Adverb clause of
concession/ contrast, และ Adverb clause of condition คือ สามารถลดรู)ได้เมื่อประธานของ Adverb clause และ
main clause เป็นตัวเดียวกัน ใช้ present participle
phrase (V. –ing) ในกรณีที่ประธานเป็นผู้กระทำกริยา
และใช้ past participial (V.ed) ในกรณีที่เป็น passive
ในการลดรูป Adverb clause of reason/cause ต้องละคำนำหน้าและวาง
V-ing ไว้ต้นประโยคเสมอ เช่น
Since he worked under the Shangrila
Group worldwide, he oversaw 30,000 employees.
>>> Working under the Shamgrila
Group world guide, he oversaw 30,000 employees.
ในการลดรูปของ Adverb clause of concession และ Adverb clause
of condition ก็เช่นกัน ลดรูปได้ถ้าประธานของ Adverb clause และ main clause เป็นตัวเดียวกัน โดย V ใน Adverb clause มักจะอยู่ในรูปของ passive ให้เก็บคำเชื่อมไว้ *(การลดรูปของ 2 ประเภทนี้ใช้อย่างไม่เป็นทางการ)* เช่น
Although the soccer team was defeated 3-0, the players did not seem to surrender.
>>> Although defeated 3-0, the players did not
seem to surrender.
การลดรูปนั้นเพื่อให้ประโยคนั้นๆ
สั้นกระชับ แต่ในการลดรูปจะต้องมีหลักการและเงื่อนไขในการลดรูปด้วย สำหรับ Adverb
cause นั้นก็เช่นกันสามารถลดรูปให้สั้นกระชับได้
โดยมีหลักการในการลดรูป คือ สามารถละคำเชื่อมได้ในบางกรณี
และถ้าประธานเป็นตัวเดียวกัน ก็สามารถลดรูปได้โดยจะตัด Subject และ V.to be ใน clause ไป
หรือถ้าใน Clause นั้นอยู่ในรูปของ passive ให้ตัด Subject แต่ V.to be และคงคำเชื่อมและ
V. ตัวเดิมไว้ หรือ ถ้าอยู่ในรูป Active ปกติ คือให้ตัด V.to be ใน Adv. Clause ที่คงไว้คือ V-ing ส่วนคำเชื่อมจะละหรือคงเดิมไว้ก็ได้
สำหรับ Adv. Clause
ประเภทอื่นหลักการลดรูปก็จะมีหลักการคล้ายๆ กัน
ในการนำไปใช้เราก็ควรที่จะนำไปใช้ให้ถูกต้องและการศึกษาให้เข้าใจให้ถ่องแท้ด้วย
(Out class)
เนื่องด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่ทันสมัยความรู้และข้อมูลต่างๆ
แพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ และสังคมภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศภาษาหนึ่งที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการติดต่อสื่อสารและศึกษาหาข้อมูลความรู้
ตลอดจนการประกอบอาชีพ ในยุคโลกไร้พรมแดน
จึงทำให้ภาษาต่างประเทศโดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่จัดว่าเป็นภาษาที่ในหลายๆ
ประเทศให้การยอมรับในการสื่อสารที่มีบทบาทมากในปัจจุบัน
โดยเฉพาะด้านศึกษาที่จำเป็นต้องมีการค้นคว้าข้อมูลต่างๆ ทั้งในรูปของหนังสือ
วารสารต่างๆ ตำรา
และตลอดจนข้อมูลที่มีอยู่ในทางอินเตอร์เน็ตที่เป็นภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จึงส่งผลให้คนไทยมีโอกาสพบปะกับชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารทำให้ภาษาอังกฤษมีบทบาทเป็นภาษานานาชาติมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องที่นักศึกษาในระดับอุดมศึกษาต้องได้รับการพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษ
ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าข้อมูลและประกอบอาชีพในอนาคต
ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษไดให้ความสำคัญกับทักษะทั้ง 2 ด้าน ได้แก่ ทักษะการพูด ทักษะการฟัง
ทักษะการอ่าน และทักษะการเขียน
แต่เนื่องด้วยคนไทยมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ
จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ให้อยู่ในระดับที่ดีมากขึ้น
การพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน
ให้อยู่ในระดับที่ดีมากขึ้นเราสามารถฝึกฝนได้จากหลายๆวิธีการไม่ว่าจะเป็นจากการอ่าน
เมื่อเราอ่านหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ วารสารต่างๆ
ที่เป็นภาษาอังกฤษจะทำให้ได้ฝึกฝนทักษะทางด้านการอ่านของเราได้เป็นอย่างดี
จากการฟัง ฟังสื่อต่างๆที่มีอยู่ในรอบๆตัวเราไม่ว่าจะเป็นข่าวต่างๆหรือแม้กระทั้งการฟังเพลงจากการ์ตูนต่างๆหรืเพลงสากลที่สามารถหาฟังได้อย่างง่ายและสะดวกเป็นอย่างมากนอกจากนี้ผลที่ได้จากการฟังเพลงสากลต่างๆ
หรือการ์ตูนต่างๆยัง
ช่วยพัฒนาศักยภาพด้านทักษะการพูดได้อีกด้วย
ทักษะด้านอื่นๆ ก็เช่นกันมีความสำคัญไม่ต่างกัน
ในฐานะที่เราเป็นนักศึกษาคณะครุศาสตร์ที่จำเป็นจะต้องมีความรู้ความสามารถทางด้านภาษาเป็นอย่างมาก
ที่จะต้องนำความรู้ต่างๆไปถ่ายทอดให้กับนักเรียนผู้เป็นศิษย์ของเราในอนาคต
ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำนั่นก็คือฝึกฝน หาความรู้เพิ่มเติมทบทวนความรู้เดิมอยู่เสมอนั่นเอง
สำหรับสัปดาห์นี้ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังและทักษะการพูดด้วยเพลง
ที่มีชื่อว่าFlashlight ซึ่งเป็นเพลงที่ขับร้องโดย Jessie J นักร้องผู้เป็นขวัญใจคนหนึ่งของดิฉัน ดิฉันเริ่มต้นฝึกโดยการเริ่มฟังจังหวะและทำนองของเพลงก่อน
เพื่อให้จำทำนองของเพลงได้ก่อน เมื่อเริ่มจำทำนองได้บางส่วนแล้ว ดิฉันได้
พยายามฟังเนื้อเพลง และร้องตามบางประโยคที่ดิฉันฟังพอเข้าใจ
และสิ่งที่ดิฉันพอฟังจับใจความประโยคได้ก็คือ
When tomorrow comes
…..be on my own
……………………
………..I don’t know
When tomorrow comes
Tomorrow comes
Tomorrow comes
เป็นช่วงต้นของเพลง หลังจากนั้นดิฉัน
พยายามฟังและจดจำเพื่อหาของเพลงไปเรื่อยๆบางครั้งฟังโดยที่กำลังทำสิ่งอื่นบ้าง
ดิฉันจะไม่จดจ่อกับเพลงมากขึ้นไปเพราะอาจจะทำให้เบื่อเร็วขึ้นแต่จะฟังทุกๆวันอย่างน้อยวันละ
1 ครั้ง จนในที่สุดดิฉันสามารถจำเนื้อเพลงได้เกือบจนหมดและสามารถร้องตามได้
หลังจากนั้นดิฉันจะหาวีดีโอที่มีเนื้อเพลงมาให้เพื่อฝึกร้องตามไปด้วย และพยายามดูปากของนักร้องเพื่อสังเกตลักษณะการออกเสียงคำแต่ละคำและออกเสียงตามจนรู้สึกว่าร้องเพลงนี้ได้คล่องมากขึ้นแล้วนอกจากการฝึกฟัง
ฝึกร้องแล้วดิฉันยังฝึกทักษะการแปลของตัวเองด้วย โดยการแปลเนื้อเพลง
โดยการหาเนื้อเพลงเพลงนี้มาเพื่อพยายามฝึกฝนช่วงต้นของเพลง ที่ว่า
When
tomorrow comes
I’ll be on my own
Feeling
frightened
up
The Fling that I don’t
know
When
tomorrow comes
Tomorrow
Comes
Tomorrow Comes
ดิฉันแปลได้ว่า เมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง
ฉันจะอยู่ด้วยตัวเอง
ฉันรู้สึกกลัว ในสิ่งที่ฉันไม่รู้
เมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง
And though
the road is
long
I look
up to the
sky
In
the dark I
found I stop
and I won’t
fly
And I
sing along,
I
sing along, I sing along
ถึงแม้ว่าถนนนั้นจะยาวไกล
ฉันมองขึ้นไปยังท้องฟ้า
ในความมืด ฉันเจอ ฉันหยุดและไม่โพยขึ้น
และฉันร้องเพลง
I
got all I
need when I
got you and
I
I
look around me,
and see sweet
life
I’m
stuck in the
dark but you’re
my flash light.
You’re getting ‘me
, getting’ me,
through the night
Can’t stop
my heart when
you shin in ‘in
my eyes
Can’t lic
it’s a sweet
life
I’m
stuck in the
dark but you ‘re
my flashlight
You
getting me getting
me through the
night
Cause you’re my flash light
You’re my
flash light ,
you’re my flash
light
ฉันได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันต้องการเมื่อมีเธอและฉัน ฉันมองไปรอบๆตัวฉัน
และเห็นชีวิตที่แสนหวาน ฉันติดอยู่ในความมืด
แต่คุณคือแสงสว่างให้ฉันให้ฉันผ่านคืนนั้นได้
หัวใจของฉันไม่สามารถหยุดเต้นได้เมื่อคุณส่องแสงอยู่ในตาของฉัน
ฉันโกหกไม่ได้มันคือชีวิตแสนหวานของฉันและเนื่องด้วยเพลงนี้มีจังหวะที่ไพเราะน่าฟัง
ทำให้ฉันสามารถจดจำได้ง่ายและถึงแม้ว่าจะฟังทุกวันดิฉันก็ไม่เบื่อเลย
และการแปลเนื้อเพลงยังทำให้ดิฉันได้ฝึกฝนด้านการแปลตัวเองด้วย
จากการที่ได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษจากเพลง
flash light นี้ทำให้ดิฉันพัฒนาการด้านการฟังมากขึ้น
สามารถฟังเพลงต่างๆซึ่งเป็นเพลงสากลได้มากขึ้น คือ
สามารถฟังออกว่าเค้าร้องว่าอย่างไร ได้มากขึ้น
และยังสามารถพัฒนาทักษะด้านการออกเสียงสำเนียงภาษาอังกฤษได้ด้วย
จากเมื่อก่อนดิฉันไม่กล้า
และไม่มีความมั่นใจในการออกเสียงเลขและจากการใช้วิธีการฝึกโดยการร้องเพลงสากลต่างๆทำให้การออกเสียงดีขึ้น
และกล้าที่จะออกเสียงมากขึ้นไปด้วย และในครั้งต่อไปดิฉันจะลองเพิ่มระดับความยากของเพลงให้ไประดับที่อยากกว่าเดิม
เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเองให้อยู่ในระดับที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ในการฟังเพลง
บ่อยครั้งที่มักจะพบคำบางคำที่เราไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร อย่างเช่น Gonna, Wanna ซึ่งเป็นคำที่เราพบบ่อยมากในเนื้อเพลงสากล
ซึ่งมันทำให้ดิฉันสงสัยทุกๆ ครั้ง ว่ามันมีอยู่ในภาษาอังกฤษด้วยหรือไม่จึงได้ค้นหาข้อมูล
และความรู้เพิ่มเติม และได้รู้ว่า
คำเหล่านี้เป็นคำย่อและมักจะไม่ใช้ในการเป็นภาษาเขียน
ส่วนมากเป็นภาษาพูดซึ่งจะพบบ่อยในเพลงต่างๆ ภาพยนตร์และการสนทนาต่างๆ จะมีคำว่า
Wanna/Gonna/Gotta/Gotcha/Dunno/Lemme/Gimme/Olutta/Kinda/I’mma/Hafta
“Wanna” ย่อมาจาก want to หรือ want
a แปลว่า ต้องการทำบางสิ่งหรือต้องการบางอย่าง เช่น
-
I wanna go. (I want to go)
ฉันอยากไป
-
Wanna drink? (Do you want a drink?)
คุณอยากดื่มอะไรไหม
“Gonna” ย่อมาจาก going to หมายถึง
กำลังจะทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น
-
What’s she gonna do now?
(What
is she going to do now?)
นั่นเธอกำลังจะทำอะไร
“Gotta” ย่อมากจาก got ta, have got to หรือ have got a
แปลว่า ต้องทำบางสิ่งบางอย่างหรือมีบางสิ่งบางอย่าง เช่น
-
She’s gotta go. (She has got to go.)
เธอต้องไปแล้ว
-
One day I gotta be rich!
สักวันฉันต้องรวย
“Gotoha” ย่อมาจาก I’ve get you
แปลว่า จับได้แล้ว ชนะแล้วหรือฉันเข้าใจที่คุณพูดแล้ว
“Dunno” ย่อมาจาก I don’t know แปลว่า
ฉันไม่รู้
“Lemme” ย่อมาจาก Let me แปลว่าให้ฉัน…., ปล่อยฉัน…..
เช่น
-
Lemme call you back. (Let me call
you back)
ให้ฉันโทรกลับละกัน
-
Lemme go! (Let me go!)
ปล่อยฉันไปนะ
“Gimme” ย่อมาจาก Give me แปลว่า
ขอบางสิ่งบางอย่างแก่ฉัน เช่น
-
Gimme back my bike! (Give me back my
bike!)
ขอจักรยานฉันคืนเถอะ!
-
Can you gimme a hand? (Can you give
me a hand?)
ขอแรงหน่อยได้ไหม?
“Outta” ย่อมาจาก out of แปลว่า
หมด เช่น
-
Get outta here!
ออกไปจากที่นี่ซะ
-
We’re running outta gas.
แก๊สกำลังหมด
“Kinda” ย่อมาจากคำว่า Kind of แปลว่า
ค่อนข้างจะ เช่น
-
My boyfriend is Kinda FAT!
แฟนฉันค่อนข้างอ้วน
-
I’m Kinda rich.
ฉันค่อนข้างจะรวย
“I’mma” ย่อมาจากคำว่า I’am going to จะมีความคล้ายกับ gonna แนะนำให้ใช้ gonna มากกว่า
“Hafla” ย่อมาจากคำว่า Have to เช่น
-
I hafta do homework.
ฉันต้องทำการบ้าน
คำเหล่านี้มักจะใช้ในภาษาพูด
ไม่นิยมนำมาเขียน และจะพบบ่อยในเพลงต่างๆ และภาพยนตร์
เมื่อเราฟังเพลงที่มีคำเหล่านี้เราก็สามารถเข้าใจแล้วว่า ในประโยคของเพลงนั้นๆ
หมายถึงอะไร
สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้
ภาษาอังกฤษไม่ว่าจะในด้านใดทั้ง
การฟัง อ่าน เขียน และพูด มีความจำเป็นที่คนไทยจะต้องฝึกฝน วิธีการฝึกฝนมีหลายวิธี
แต่วิธีที่ดิฉันชอบและง่ายมากก็คือการฟังเพลง การฟังเพลงนอกจากจะฝึกทักษะ การฟัง
แล้วนั้น ยังสามารถฝึกทักษะการพูดได้อีกด้วย
นอกจากนี้การฟังเพลงทำให้เราได้ความรู้ในการใช้คำย่อในภาษาอังกฤษที่มักใช้ในภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน
ซึ่งอาจเป็นความรู้ใหม่ที่เราอาจมองข้ามไป