วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Learning Log :the Passive (กรรมวาจก)

The Passive (กรรมวาจก)
 (1/02/2559)
            การแปลขั้นพื้นฐานหลักไวยากรณ์เป็นสิ่งที่สำคัญ และสำหรับการแปลขั้นสูงนั้นจำเป็นที่จะต้องอาศัยความแม่นยำและถูกต้องตามหลักโครงสร้างไวยากรณ์เช่นกัน ซึ่งการแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษจะมีความยากมากกว่าการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เนื่องจากภาษาไทยนั้นจะมีการใช้คำและสำนวนที่มีความหลากหลายทางภาษามากกว่าภาษาอื่นๆ ซึ่งคำในภาษาไทยเมื่อนำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาที่ไพเราะส่วนมากจะเป็นการแปลโดยใช้ The passive หรือที่เรียกกันว่า กรรมวาจก เพราะว่าเมื่อใช้แล้วจะทำให้ความหมายมีความความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถอธิบายเรื่อง The passive อย่างละเอียดตามโครงสร้างหลักไวยากรณ์
            รูปแบบประโยคของ The passive นั้นมักจะมาจาก Active ซึ่งจะมีความแตกต่างกันนั่นคือ ในรูปแบบ active จะให้ความสำคัญกับประธาน (Subject) ในฐานะผู้กระทำกิริยาในประโยค ขณะที่รูปแบบของ The passive นั้นประธานของประโยคเป็นฝ่ายถูกกระทำ โดยจะมีโครงสร้างประโยคในแบบ active และ passive ดังนี้ Active; Subject + Verb + Object ส่วนของ The passive; object ในประโยค active + verb to be + verb (by + subject ในประโยค active) ส่วนในรูปของ Passive ของประโยคจะมี verb to be จะผันตาม Tense ของ Active จะมีความหมายคล้ายกับภาษาไทยว่า ถูก หรือ ได้รับ
            ประโยคในรูปแบบ The passive นั้นจะใช้เมื่อมีกรณี เมื่อเราไม่สามารถสื่อข้อความหรือความหมายออกมาในรูป active ได้อย่างชัดเจน เมื่อเราต้องการให้ความสำคัญกับประธาน Subject ของประโยคในฐานะผู้ถูกกระทำหรือรับผลจากการกระทำของกริยาที่มีอยู่ในประโยคเมื่อเราต้องการความหลากหลายในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจะเป็นวิธีการเปลี่ยนประโยค active เป็น passive  มีขั้นตอนคือ 1. ดูส่วนประกอบในประโยค active คือต้องมีประธาน + กริยาที่ต้องการกรรม + กรรมและส่วนขยาย 2. ดูว่าประโยค active อยู่ใน Tense ใด 3. ย้ายกรรมในประโยค active มาเป็นประธานใน passive 4.เปลี่ยนรูปกริยาในประโยค active เป็น passive  คือมี verb to be ตามด้วย v3 เราจะใช้ verb to be ตัวใดให้สังเกตที่ประธานในประโยค passive และ tense ของประโยค แล้วใส่คำว่า by ในประโยค passive 6. นำส่วนขยายหรือ modifier มาใส่ไว้ท้ายประโยคในกรณีที่ประโยคนั้นมีส่วนขยาย
            การเปลี่ยนประโยค active ที่มี tense ต่างๆกัน ให้เป็นประโยค passive จะมีรูปแบบดังโครงสร้างประโยคต่อไปนี้
                           John                 is helped                                 by Mary
                        John                is being helped                        by Mary
                        John                 has been helped                      by Mary
                        John                 was helped                              by Mary
                        John                 was being helped                    by Mary
                        John                 had been helped                      by Mary
                        John                 will be helped                          by Mary
                        John                 is going to be helped               by Mary
                        John                 have been helped                    by Mary
ส่วนในกลุ่มของกริยาช่วยนั้นจาก active ไปเป็น passive จะมีคือ active กริยาช่วยจะ +V.1 (ไม่ผัน) แต่ในส่วนของ passive จะเป็นกริยาช่วย + be + V3 ทันที ส่วน adverb of frequency + กริยาช่วยตัวที่สอง + V3 ในประโยค Passive ให้วาง adverb of frequency  หลังกริยาช่วยตัวแรกเสมอ มาว่าจะเป็นกริยากี่ตัวก็ตาม และในส่วนของ adverb of manner ให้วางไว้หน้ากิริยาช่องที่ 3 (past participle)
            รูปแบบ The passive นั้นจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ เราไม่สามารถสื่อข้อความหรือความหมายออกมาในรูป active ได้อย่างชัดเจน เมื่อเราต้องการให้ความสำคัญกับประธาน Subject ของประโยคในฐานะผู้ถูกกระทำหรือรับผลจากการกระทำของกริยาที่มีอยู่ในประโยค เมื่อเราต้องการความหลากหลายในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจะเป็นวิธีการเปลี่ยนประโยค active เป็น passive ซึ่ง The passive นั้นเมื่อเลือกใช้ในภาษาอังกฤษได้นั้น จะทำให้ภาษาที่เกิดขึ้นในงานแปลนั้นจะเป็นภาษาที่สละสลวย ไพเราะ และง่ายต่อการอ่านแล้วเข้าใจง่ายและจะทำให้ความหมายมีความความชัดเจนมากยิ่งขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น