ปัจจุบันภาษาอังกฤษมีความสำคัญเพราะเป็นภาษาสิ่อสารที่ใช้กันในโลก
ในตอนนี้มีการติดต่อกันมากขึ้น
การแปลจึงมีความสำคัญมากประเทศไทยมีการติดต่อกับต่างประเทศในเรื่องต่างๆ บางคนไม่รู้ภาษาจึงต้องใช้ตัวช่วยคือผู้แปลเพื่อประหยัดเวลาและได้งานมีประสิทธิภาพ
งานแปลจึงเป็นอาชีพที่ช่วยเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้า งานแปลถ่ายทอดภาษาซึ่งกันและกันซึ่งเป็นงานที่ต้องศึกษาวิเคราะห์
พิจารณากลั่นกรองซึ่งเป็นงานละเอียดอ่อนผู้แปลต้องตื่นตัวอยู่เสมอ
การแปลในประเทศไทย
การแปลในประเทศไทยเริ่มมีตั้งแต่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชส่งโกษาปานไปเฝ้าพระเจ้าหลุยแห่งประเทศฝรั่งเศสจึงมีการฝึกนักแปลเพื่อแปลเอกสารต่างๆเพื่อติดต่อค้าขายกับต่างประเทศในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและมีการสอนภาษาในราชสำนัก
การแปลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผู้แปลต้องเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและมีภาษาเพื่อป้องกันการใช้ภาษาวิบัติ
และการแปลจะมีปัญหามากหากขาดความรู้เรื่องพื้นฐานทางวัฒนธรรม
การสอนแปลในระดับมหาวิทยาลัย
การสอนแปลในระดับมหาวิทยาลัย เป็นการสอนไวยากรณ์และโครงสร้างของภาษาการใช้ภาษารวมทั้งการอ่านเพื่อความเข้าใจ
ผู้ที่จะแปลได้ควรเป็นผู้ที่มีความรู้ทางภาษา
การแปลคืออะไร
การแปลคือการถ่ายทอดความคิดจากภาษาหนึ่งไปภาษาหนึ่ง
โดยมีใจความครบสมบูรณ์ ไม่มีการตัดต่อหรือแต่งเติมใดๆทั้งสิ้นอีกทั้งรักษาให้คงรูปตามต้นฉบับ
จุดมุ่งหมายของผู้สอนแปลคือ สอนฝึกและผลิตนักแปลที่มีคุณภาพแก่สังคม
นักแปลที่มีคุณภาพหมายถึง นักแปลที่มีความสามรถถ่ายทอดความคิดของตนฉบับได้ครบถ้วนโดยไม่ขาดหรือไม่เกิน นักแปลจะต้องมีความรู้ภาษาของต้นฉบับ (Source Language) และภาษาที่ใช้แปล (Target Language) เป็นอย่างดี
จึงควรฝึกภาษาต่างประเทศมาเป็นภาษาแม่ (Mother Tongue)
ดังนั้นนักแปลไทยจึงเน้นความสำคัญในการแปลจากภาษาต่างประเทศมาเป็นภาษาไทย (One-Way
translator)
วัตถุประสงค์ของการสอนแปล
1. ฝึกเพื่อผลิตนักแปลที่มีคุณภาพ
2. การแปรให้ได้ผล
ตามทฤษฎีวิชาแปลเป็นวิชาที่เกี่ยวเนื่องกับ2ทักษะ คือ
ทักษะในการอ่านและการเขียน
3. ผู้สอนแปลต้องเร้าให้ผู้เรียนได้อ่านอย่างกว้างขวางจากแหล่งต่างๆ
4. ให้ผู้แปลได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักแปลอาชีพ
สรุปการแปลที่ดีต้องถ่ายทอดความหมายของต้นฉบับได้อย่างถูกต้อง
ผู้แปลต้องมีศิลปะจนผู้อ่านเกิดความประทับใจเช่นเดียวกับอ่านต้นฉบับ
สรุป
งานแปลเป็นงานที่ยากและเป็นงานที่ไม่มีใครกล่าวขอบคุณผู้แปล จะมีแต่คนวิพากษ์วิจารณ์หากแปลผิดพลาด
แต่ถ้าแปลดีอาจได้คำยกย่องเล็กน้อยผู้ที่รู้สองภาษาอย่างดีจะแปลหนังสือได้ดี
รางวัลของผู้แปลก็คือผลงานแปล
บทบาทของการแปล
การแปลเป็นทักษะพิเศษในการสื่อสาร
คือ ผู้รับสาร (Receiver) ไม่ได้รับสารจากผู้ส่งสารคนแรกโดยตรง
ลักษณะของงานแปลที่ดี
ควรมีเนื้อหาข้อเท็จจริงตรงตามต้นฉบับใช้ภาษาที่ชัดเจน
ใช้รูปประโยคสั้นๆ ใช้ภาษาเปรียบเทียบได้เหมาะสมและรักษาสไตล์การเขียนของผู้แต่งต้นฉบับไว้
และมีการปรับแต่งถ้อยคำ สำนวนให้เข้ากับสังคม เพื่อให้ปูอ่านงานแปลเกิดความเข้าใจ
ลักษณะงานแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยที่ดี
1. ภาษาไทยที่ใช้ในงานแปลนั้นมีลักษณะเป็นธรรมชาติ
ไม่ติดสำนวนฝรั่ง ปรับให้เป็นสำนวนไทยตามที่ใช้กันโดย ทั่วไป ใช้ศัพท์เฉพาะภาษา
และศัพท์เทคนิคได้เหมาะสมครอบคลุมความหมายได้หมด
และใช้รูปแบบประโยควรรคตอนตลอดจนสำนวนเปรียบเทียบได้เหมาะสมด้วย
2. สามารถนำต้นฉบับภาษาอังกฤษมาเทียบเคียงกับคำแปลภาไทยได้
เน้นความชัดเจนของภาษา
3. ใช้การแปลแบบตีความ
แปลแบบเก็บความเรียบเรียงและเขียนใหม่ ไม่แปลแบบคำต่อคำ
สรุปคุณสมบัติของผู้แปล
1. เป็นผู้ที่ความรู้ในภาษาต้นฉบับและภาที่ใช้แปลดีและหมั่นค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
2. เป็นผู้ที่ชอบค้นคว้าหาความรู้ในวิชาการแขนงอื่นๆ
3. เป็นผู้มีวิจารณญาณในการแปล มีพื้นฐานการศึกษามาทางด้นไวยากรณ์
และโครงสร้างของภาษารวมทั้งการใช้ภาษา
4. เป็นผู้ที่มีใจกว้างพอที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
5. เป็นผู้สามารถอุทิศเวลาให้การแปลได้อย่างจริงจัง
ลักษณะของงานแปลที่ดี
งานแปลจะต้องมีความตรงกันในด้านความหมายของงานต้นฉบับและงานฉบับแปล
และมีความสละสลวยในภาษาที่ใช้แปล งานแปลที่ดีต้องมีคุณสมบัติสองประการ คือความถูกต้องตรงกันในเรื่องความหมายและภาษาที่สละสลวย
ผู้แปลจึงต้องรู้ทั้งสองภาษา
คือมีความรู้อย่างดีทั้งในภาษาต้นฉบับและภาษาที่ใช้แปล
1. ความหมายถูกต้อง
และถูกต้องตามต้นฉบับ
2. รูปแบบที่ใช้ในฉบับแปลตรงกันกับต้นฉบับ
3. สำนวนที่ใช้สละสลวยตามระดับของภาษา
การแปลจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่งนั้น
ผู้แปลจะต้องรักษาความหมายของต้นฉบับเดิมไว้ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างของภาษาที่แปลที่เหมาะสม
การให้ความหมายในการแปล
การส่งสารโดยวิธีการแปลเป็นภาษาแม่ของตนให้ความหมายมี 2 ประการคือ
1. การแปลที่ใช้ประโยคต่างกันแต่มีความหมายอย่างเดียวกัน
2. การตีความหมายจากบริบทของข้อความต่างๆ
การแปลการตีความจากบริบท
ความใกล้เคียง (Context ) และความคิดรวบยอด ( Concept)
ไม่ใช่แปลแบบให้ความหมายเดียวกันในรูปประโยคที่ต่างกัน (paraphasing) แต่ให้ดูสถานภาพที่เป็นอยู่ของข้อความ
การวิเคราะห์ความหมาย
สิ่งที่ต้องนำมาใช้ในการวิเคราะห์คือ
1.องค์ประกอบของความหมาย
2.ความหมายและรูปแบบ
3.ประเภทของความหมาย
องค์ประกอบของความหมายคือ
1. คำศัพท์
2. ไวยกรณ์ 3.
เสียง
รูปแบบของภาษาแต่ละภาษามีความหมายอาจจะเป็นรูปของเสียงคำศัพท์หรือไวยากรณ์
ความหมายและรูปแบบ มีความสัมพันธ์กันดังนี้
1. ในแต่ละภาษา ความหมาย 1 อาจจะแสดงออกได้หลายรูปแบบ
2. รูปแบบเดียวอาจจะมีหลายความหมาย ความหมายของแต่ละรูปแบบไม่แน่นอนตายตัวเสมอไปขึ้นอยู่กับบริบทเป็นสำคัญ
ประเภทของความหมาย
1. ความหมายอ้างอิง (referential meaning) คือสิ่งใดสิ่งหนึ่งทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม หรือความคิด มโนภาพ
2. ความหมายแปล
(Connotative meaning)หมายถึงความรู้สึกทางอารมณ์ของผู้อ่าน
ผู้ฟัง
3.ความหมายตามปริบท
(Contextual meaning)รูปแบบหนึ่งของภาษาจะมีหลายความหมาย
4. ความหมายเชิงอุปมา(figurative
meaning)เป็นความหมายที่เกิดจากการเปรียบเทียบทั้งการเปรียบเทียบโดยเปิดเผยและการเปรียบเทียบโดยนัย
การเลือกบทแปล
-ตามวัตถุประสงค์ของการสอนแปล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น